เจนภพ โพธิ์ขี ชีวิตที่ไม่หยุดสู้ สู่ศูนย์หน้าทีมชาติไทย

เจนภพ โพธิ์ขี ชีวิตที่ไม่หยุดสู้ สู่ศูนย์หน้าทีมชาติไทย
 

นักเตะวัย 25 ปี สมัยก่อนเคยเป็นดาวรุ่งติดทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ 2017 แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสลงเล่นจึงไม่ได้เป็นที่จดจำในฐานะดาวรุ่งที่จับตามองมากนักถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ยังคงมุ่งมั่นหาโอกาสลงสนามเพื่อพิสูจน์ตัวเองอยู่เรื่อยๆ ทั้งสุพรรณบุรี เอฟซี, ลำปาง,อุบล ยูเอ็มที, ตราด เอฟซี ,ลำพูน เวอร์ริเออร์  ไม่ว่าจะเป็นการเล่นอยู่ลีกระดับไหนเขายังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างอดทน เขาคิดเพียงแค่ว่าต้องได้เล่นได้มีโอกาสลงสนามจะได้โชว์ผลงานให้ดีที่สุด

 

ตัดมาที่เพื่อนร่วมรุ่นของเขาหลายๆคน อาทิ นพพล พลคำ, เชาว์วัฒน์ วีระชาติ, พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล ล้วนแล้วแต่มีอนาคตที่สดใส ก้าวไปเป็นตัวหลักของสโมสร และมีโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ ผิดกับตัวเขาเองที่้ยังต้องพเนจรหาสโมสรเพื่อให้ได้รับโอกาสลงเล่น

 

หลังจากที่เขาเป็นส่วนหนึ่งพาลำพูน วอร์ริเออร์ คว้าแชมป์ไทยลีก 3 เมื่อปีที่ผ่านมา เขาก็ได้หมดสัญญากับทีมทำให้กลายเป็นนักเตะไร้สังกัดในทันที เจนภพ ยื่นโปร์ไฟล์ให้กับหลายทีมพิจารณา แต่ก็ยังไม่มีทีมใดตอบรับ และเหลือเวลาอีกไม่มากก่อนที่ตลาดนักเตะจะปิดตัวลง เจนภพได้ทำการติดต่อไปยัง "โค้ชอ้น" รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค รุ่นพี่ที่เขาเคยร่วมงานด้วยสมัยค้าแข้งที่ สุพรรณบุรี เอฟซี  เขาบอกกับโค้ชอ้นว่า ตัวเขายังไม่มีทีมที่จะเล่น และอยากร่วมงานกับโค้ชอ้นอีกครั้ง ทางด้านโค้ชอ้นเอง ก็ไม่ได้ปฎิเสธ แต่ก็ย้ำกับเจนภพว่า ที่นี่ เงินอาจไม่ได้สูงมากนัก เพราะไม่ใช่ทีมใหญ่อะไร แต่หากต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง ที่นี้พร้อมให้โอกาสเสมอ

 

การย้ายมาร่วมทัพ “มังกรไฟ” เขาเองก็มีอะไรหลายอย่างที่ต้องพิสูจน์ เพราะทีมก็มีกองหน้าหลายคนที่โปรไฟล์ดีที่เขาต้องต่อสู้เบียดตำแหน่งตัวจริงไม่ว่าจะเป็น อาทิตย์ บุตรจินดา, ธีรเทพ วิโนทัย หรือ    เอวานโดร เปาลิสต้า   ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังมุ่งมั่นเต็มที่ทุกครั้งกับโอกาสที่ได้รับ เพราะเขาเองก็ผ่านร้อนผ่านหนาวกับการพเนจรไปค้าแข้งในลีกล่าง การได้เล่นบนลีกสูงสุดถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญอย่างมากสำหรับตัวเขา ทำให้การทำหน้าที่ในสนามของเขานั้นไม่มีความกดดันความคาดหวังมากมายที่ต้องแบกรับ เขาเล่นตามแทคติคเล่นได้ตามแบบฉบับของตัวเองทำให้เขามีผลงานที่ดีในสนาม

 

3 ประตูใน 2 นัด กับการหยุดความร้อนแรงของชลบุรี   และการบุกไปชนะบีจีคาถิ่น สร้างความตื่นตาให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น แม้ว่าการออกสตาร์ทในช่วงแรกของเขากับ เทโร จะดูไม่ค่อยดีนักด้วยปัจจัยของทีมและการปรับตัวของตัวเอง แต่เมื่อทุกอย่างลงตัวผลงานของเขาก็ดีพอที่จะเป็นศูนย์หน้าตัวหลักให้กับทีมได้ การลงสนามอย่างต่อเนื่องของเขาเหมือนกับการเพิ่มพูนอาวุธและความอันตรายในฝีเท้าของเขามากขึ้น และในที่สุดก็เป็น 1 ในนักเตะแคนดิเดตมีชื่อติดทีมชาติไทย 68 คนแรก ก่อนที่จะตัดเหลือ 30 คนสุดท้าย

 

แต่ทว่าในการประกาศตัว 30 คนสุด ท้ายของทีมชาติไทย "ปกรณ์ เปรมภักดิ์" จอมลูกนิ่งของ การท่าเรือ ที่มีชื่อติดทีมใน 30 คนสุดท้าย เกิดได้รับการบาดจ็บจนต้องขอถอนตัวจากทีมชาติ ทำให้ "มาโน่ โพลกิ้ง" กุนซือของทัพช้างศึก เรียกตัว ดาวยิง โปริสเทโร รายนี้เข้ามาแทนที่ เจนภพกล่าวว่า "ผมรู้สึกดีใจมากครับ ที่ได้โอกาสติดทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ผมดีใจมากๆ ที่ได้มาเป็นหนึ่งใน 30 คนครั้งนี้ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับตัวผมด้วย ผมพอใจกับผลงานช่วงที่ผ่านมาในระดับหนึ่ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ไม่ได้โอกาส และผมก็พยายามทำงานหนัก เพื่อเป้าหมายของผมอย่างการติดทีมชาติไทย ผมก็จะพยายามทำเต็มที่ ทั้งในสนามซ้อม ที่จะคอยสังเกตการซ้อมของพวกเขา รวมถึงการพยายามปรึกษา เพื่อนำวิธีการต่างๆ มาพัฒนาตัวเรา"

"เป้าหมายในรายการนี้ของผม ก็อยากที่จะได้แชมป์ เพราะไม่ว่าจะวิธีไหนเราจะทำเต็มที่ และทำให้ดีที่สุด ฝากแฟนบอลเป็นกำลังใจให้นักเตะและสตาฟฟ์โค้ชทุกคนด้วย"

และนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของเขากับการเข้ามาติดทีมชาติในครั้งนี้ จากนักเตะดาวรุ่งที่ไม่ได้โด่งดังมากนัก และยังต้องหาสโมสรลงเล่นมาตลอดแทบจะทุกลีกของฟุตบอลไทย สู่ศูนย์หน้าทีมชาติไทยในการทวงคืนแชมป์อาเซียน

ความมุ่งมั่นของเขาที่ไม่เคยย่อท้อได้นำพาเขามายังสู่ 1 ในจุดสูงสุดของนักฟุตบอล เราไม่มีทางรู้ว่าในอนาคตเขาจะสร้างชื่อให้กับฟุตบอลไทยมากแค่ไหน แต่เจนภพ โพธิ์ขี คือนักเตะที่สู้ชีวิตและมีคุณค่าต่อฟุตบอลไทย


ดูข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : Goalstorm

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แชมป์ไร้พ่าย ประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ ที่กาลครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้น